สมัยนี้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตหลายท่านต้องการคุมค่าใช้จ่ายต่อเดือนเกี่ยวกับค่าบริการโทรคมนาคม จึงมีผู้ที่เลือกใช้งาน “ซิมการ์ดราคาถูก” และ “ซิมการ์ดแบบเติมเงิน” เพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อลดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่สามารถใช้ระยะสั้นระหว่างท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือกลับประเทศชั่วคราว อีกทั้งเหมาะสำหรับระยะทดลองใช้ สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนมาก่อน สามารถใช้งานใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ ในบทความนี้เราขออธิบาย “สิ่งสำคัญในการเลือกซิมการ์ด” และ “ข้อควรระวัง” สำหรับท่านทั้งหลายที่กำลังคิดจะซื้อซิมการ์ดมาใช้งานเป็นครั้งแรก
สิ่งสำคัญ 6 ข้อในการเลือกซิมการ์ด
สมาร์ทโฟนและอินเตอร์เน็ตนั้นก้าวหน้าขึ้นทุกวัน และในปี 2015 ได้มีกฎบังคับให้ปลดซิมล็อคในอุปกรณ์ทุกเครื่อง ตั้งแต่นั้นมามีผู้ประกอบการลงมาแข่งขันในกิจการ MVNO (Mobile Virtual Network Operator) เป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้มีซิมการ์ดแบบเติมเงิน และซิมการ์ดราคาถูก ที่มีลักษณะเฉพาะตน และข้อดีต่างๆ มากมายหลายประเภท วางขายในท้องตลาดปัจจุบัน
ก่อนอื่น เพื่อที่จะไม่ผิดหวังหลังจากซื้อซิมการ์ดมาใช้งาน เราขอแนะนำ “สิ่งสำคัญในการเลือกซิมการ์ด” ไว้ ณ ที่นี้
-
เปรียบเทียบค่าบริการซิมการ์ด
sข้อสงสัยแรกเวลาเลือกซิมการ์ดนั้น คงไม่พ้น “ค่าบริการ” ในกรณีที่ต้องใช้สมาร์ทโฟน 2 เครื่อง นอกเหนือจากค่าบริการสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมที่ใช้งานอยู่แล้วนั้น ค่าบริการซิมการ์ดสำหรับสมาร์ทโฟนเครื่องที่ 2 ควรเป็นราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะราคาซิมการ์ดตอนซื้อนั้นต่างกันขึ้นอยู่กับระยะเวลาใช้งาน ฟังก์ชันต่างๆ จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ต ฯลฯ สำหรับซิมการ์ดที่สามารถรับส่งข้อมูลได้นั้น ในท้องตลาดมีให้เหลือมากมาย ส่วนราคาที่ถูกที่สุดนั้น จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 2,000 เยน สำหรับซิมการ์ดแบบเติมเงินนั้น เพียงเราชำระค่าบริการล่วงหน้า ก็จะไม่มีการเก็บค่าบริการเพิ่มเติม แม้ว่าเราใช้จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตไปเท่าไหร่ก็ตาม แต่ซิมการ์ดราคาถูกซึ่งไม่ใช่ซิมการ์ดแบบเติมเงินนั้น อาจมีการเก็บค่าบริการรายเดือน คล้ายกับสัญญาบริการสมาร์ทโฟนทั่วไปในบางกรณี นอกเหนือจากนี้ ความสามารถของซิมการ์ดนั้นเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะส่งผลกระทบต่อค่าบริการได้
-
เลือกตามฟังก์ชันของซิมการ์ด
ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการซื้อซิมการ์ดนั้น เปลี่ยนแปลงตามตัวแปรหลายๆอย่างด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น “ความแตกต่างระหว่างประเภทของซิมการ์ด” ซึ่งซิมการ์ดนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก หนึ่งในนั้นคือ “Data Sim หรือ ซิมการ์ดสำหรับรับส่งข้อมูลอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะ” นอกจากนี้ยังมี “ซิมการ์ดสำหรับรับส่งข้อมูลและSMS” กับ “ซิมการ์ดสำหรับรับส่งข้อมูล+SMS+โทรศัพท์” จาก 3 ประเภทนี้ ค่าบริการสำหรับซิมการ์ดที่ฟังก์ชันน้อยที่สุด ซึ่งก็คือ Data Sim นั้น มีแนวโน้มที่จะราคาถูกที่สุด และค่าบริการสำหรับซิมการ์ดที่สามารถรับข้อมูลได้ และโทรศัพท์ได้นั้น จะมีราคาแพงขึ้น เพราะฉะนั้น นอกเหนือจากการเปรียบเทียบค่าบริการแล้ว เป็นสิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องรู้ดีว่าซิมการ์ดนั้นมีฟังก์ชันใดบ้างด้วย เพื่อจะได้เลือกใช้ซิมการ์ดที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา
-
เลือกตามจำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตของซิมการ์ด
วิธีเลือกซิมการ์ด ไม่ว่าจะเป็นแบบราคาถูก หรือแบบเติมเงินก็ตาม ขึ้นอยู่กับ “จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ต” ที่สามารถใช้งานได้ ต่อวัน หรือต่อเดือน ยกตัวอย่างเช่น สำหรับซิมการ์ดบางประเภท อาจจะสามารถใช้จำกัดจำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่เราใช้ได้ด้วยความเร็วสูงสุดไว้ที่ 200MB ต่อวัน และถ้าเราใช้จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตมากเกินกว่านี้ ซิมการ์ดบางประเภทก็จะหยุดให้บริการโดยอัตโนมัติ หรือจำกัดความเร็วอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้โหลดข้อมูลได้ช้าลง
เพราะเหตุนี้ วิธีหนึ่งที่จะช่วยเราเลือกซิมการ์ดที่เหมาะสมได้ คือ การประเมินจำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่เราจำเป็นต้องใช้ ด้วยการดูว่าเราใช้อุปกรณ์เช่นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต บ่อยแค่ไหน ซิมการ์ดบางประเภทนั้นไม่มีการจำกัดจำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่เราสามารถใช้ได้ต่อวัน แต่จะจำกัดต่อเดือนแทน และในซิมการ์ดประเภทนี้ ก็มีซิมการ์ดแบบไม่จำกัดจำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สมัยนี้จะมีการจำกัดความเร็วในกรณีใช้จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตมากผิดปรกติภายในระยะเวลา 3 วัน แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเมื่อผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ความเร็วอินเตอร์เน็ตก็จะกลับมาเร็วเหมือนเดิม
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตมากมายขนาดนั้น คงไม่จำเป็นต้องใส่ใจและคำนึงถึงจำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตมากนัก แต่สำหรับผู้ที่มั่นใจว่าใช้จำนวนอินเตอร์เน็ตเยอะแน่นอนนั้น ควรเลือกซิมการ์ดที่ให้จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตสูง เพื่อหลีกเบี่ยงความเครียดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน
-
เลือกระยะเวลาที่ต้องการใช้งาน
มการ์ดแบบเติมเงินนั้น ต่างกับซิมการ์ดราคาถูก ซึ่งโดยปรกติจะเก็บค่าบริการเป็นนรายเดือน ตรงที่เราสามารถเลือก “ระยะเวลาใช้งาน” 7 วัน 15 วัน และ 30 วัน ได้ ด้วยเหตุนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มใช้ซิมการ์ด แต่ไม่รู้ว่าจำเป็นต้องใช้จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตเท่าไหร่จึงเหมาะสมนั้น เราแนะนำให้ลองใช้ซิมการ์ดแบบเติมเงินเป็นระยะสั้นๆไปก่อน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราต้องการใช้จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตมากขนาดไหน
ในการใช้บริการซิมการ์ดแบบเติมเงินนั้น ไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลให้ผู้ให้บริการตรวจสอบล่วงหน้า หรือลงทะเบียนบัตรเครดิต รวมถึงไม่มีค่าแรกเข้า หรือค่ายกเลิกสัญญา เพราะฉะนั้น ถ้ายังอยู่ในระยะเวลาใช้งาน ก็จะสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ หรือถ้าไม่ต้องการใช้งานต่อ เพียงแค่รอให้ระยะเวลาใช้งานหมดลง ซิมการ์ดก็จะถูกระงับโดยอัตโนมัติ จึงสามารถหลีกเลี่ยงขั้นตอนดำเนินการยกเลิกบริการที่ยุ่งยากได้
-
ไม่ต้องสนใจความเร็วอินเตอร์เน็ตมากก็ได้
เวลาเลือกซิมการ์ดนั้นต้องคำนึงถึงหลายๆอย่างด้วยกัน เช่นค่าบริการ จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ต เป็นต้น หนึ่งในนั้น คือ “ความเร็วอินเตอร์เน็ต” ยิ่งอินเตอร์เน็ตควาเร็วสูงเท่าใด ก็จะสามารถค้นข้อมูล หรือรับชมวีดีโอ ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าไม่ใช้ผู้ที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างหนัก ก็แทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการใช้งานจริงเลย และเนื่องจากมากกว่าครึ่งของจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหมดนั้น ใช้จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตต่อเดือนไม่ถึง 3GB สำหรับผู้ใช้ที่ปรกติมีอินเตอร์เน็ตไว้ใช้ค้นหาข้อมูล หรือใช้งานแอปพลิเคชันแชทต่างๆเป็นส่วนใหญ่ คง “ไม่ต้องให้ความสนใจคราวเร็วอินเตอร์เน็ตมากก็ได้” ซิมกการ์ดสมัยนี้สามารถรองรับการรังส่งข้อมูลความเร็วสูงได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นซิมการ์ดราคาถูกก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้อินเตอร์เน็ตที่มีเสถียรภาพได้ตลอดเวลา เนื่องจากความเร็วของอินเตอร์เน็ตนั้น ขึ้นอยู่กับความครอบคลุมของพื้นที่ให้บริการของเจ้าของเครือข่าย ที่ทางผู้ให้บริการได้ทำการเช่าไว้ และในเวลาที่เครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีความแออัด เช่น มีผู้ใช้หลายคนเชื่อมต่ออยู่ในเวลาเดียวกันนั้น ความเร็วอินเตอร์เน็ตอาจลดลง สำหรับผู้เล่นเกมออนไลน์ ซึ่งใช้จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ตสูงนั้น อาจรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของความเร็วอินเตอร์เน็ตได้ แต่สำหรับผู้ที่ค้นหาข้อมูล รับส่งอีเมล ใช้แอปพลิเคชันแชท หรือเล่นโซเชียลมีเดียนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงขนาดนั้น จึงไม่ค่อยมีใครรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงด้านความเร็วอินเตอร์เน็ตเท่าใดนัก
-
จำเป็นต้องส่งคืนหลังสิ้นสุดการใช้งานหรือไม่
สิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจในการเลือกใช้ซิมการ์ดแบบเติมเงิน นอกเหนือจากไม่มีค่าแรกเข้า และค่ายกเลิกสัญญานั้น คือ “วิธีการส่งคืน” นอกเหนือจากที่น่าใช้เพราะใช้งานง่ายแล้วนั้น ข้อดีที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง คือ เมื่อใช้งานเสร็จแล้วไม่จำเป็นต้องดำเนินการอะไรเป็นพิเศษ ยกตัวอย่าวเช่น สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ซิมการ์ดแบบเติมเงินให้สะดวกง่ายดายขึ้นไปอีกนั้น จะสะดวกสุดถ้าเลือกใช้ “ซิมการ์ดแบบไม่ต้องส่งคืน” เนื่องจากระยะเวลาการใช้งาน 7 วัน 15 วัน 30 วัน ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเลยระยะเวลานี้ไป ซิมการ์ดก็จะถูกระงับและใช้งานไม่ได้โดยอัตโนมัติ เพียงทำลายซิมการ์ดทิ้งก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่ในอีกกรณี สำหรับซิมการ์ดบางประเภท ปรกติจะเป็นการเช่าจากผู้ให้บริการ เพราะฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องนำส่งคืนหลังจากใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เพราะเหตุนี้ จะสบายใจกว่าถ้าตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับค่าบริการ จำนวนข้อมูลอินเตอร์เน็ต ระยะเวลาใช้งาน และวิธีการส่งคืน ฯลฯ ให้เรียบร้อยก่อนเวลาเลือกใช้ซิมการ์ด
pocket wifi ญี่ปุ่น
pocket wifi japan
เช่า wifi ญี่ปุ่น
sim ญี่ปุ่น
sim japan